Community College หรือวิทยาลัยชุมชน เป็นระบบการเรียนในอเมริกาที่ให้นักเรียนที่จบระดับมัธยมศึกษาสามารถเข้าเรียนได้ ด้วยระยะเวลา 2 ปี หลังจากนั้นสามารถโอนหน่วยกิตที่เรียนไปยังมหาวิทยาลัยปลายทางได้ ซึ่งเป็นที่นิยมกันอย่างมากในอเมริกา นักเรียนอเมริกาจำนวนกว่า 80 เปอร์เซ็นต์เลือกเรียนที่วิทยาลัยชุมชน เพื่อให้สามารถจบจากมหาวิยาลัยระดับท๊อปได้

มหาวิทยาลัยในอเมริกานั้นมีจำนวนมากกว่า 4,000 แห่งทั่วประเทศ โดยทั่วไปจะไม่มีการสอบเข้า แต่จะมีมาตรฐานในการรับนักศึกษาเป็นของตนเอง ส่วนใหญ่ก็จะเรียนกัน 4 ปีจบ แล้วได้ปริญญาตรี ซึ่งเรียกว่า Undergraduate School โดยการเรียนในมหาวิทยาลัย 2 ปีแรกจะไม่มีคณะ มีแต่ให้เลือก major เท่านั้น และจะเลือกคณะอีกครั้งในปีที่ 3

Community College
Bachelor Degree
Masters Degree
มหาวิทยาลัยอเมริกา
การเรียนของมหาวิทยาลัยมี 2 ระบบการศึกษาเป็นหลัก ด้วยการควบคุมและดำเนินจากการเป็นมหาวิทยาลัยรัฐบาล ที่จะได้รับความช่วยเหลือและสนับสนุนโครงการวิจัยต่าง ๆ จากภาครัฐ เช่นเดียวกับการเรียนมหาวิทยาลัยรัฐในบ้านเรา ส่วนอีกระบบนึงคือการดำเนินการด้วยการตั้งมหาวิทยาลัยเป็นเอกชน ซึ่งจะความล้ำหน้าและไม่ยึดติดกับความเป็นสถาบันการศึกษาแบบดั้งเดิมมากนัก ที่มาพร้อมกับความทันสมัยในการเรียนการสอนและสื่อการสอน การเรียนในมหาวิทยาลัยเอกชนจึงมีค่าใช้จ่ายสูงกว่ารัฐบาล โดยการเรียนมหาวิทยาลัยในปริญญาตรีโดยมาก ใช้เวลา 4 ปี และปริญญาโท 2 ปี
การสมัครเข้าเรียนปริญญาตรีที่อเมริกา
สำหรับน้องๆ ที่อยากจะเข้าเรียนต่อปริญญาตรีที่อเมริกานั้นจะต้องใช้เวลาเรียนประมาณ 4 ปี หรือมีหน่วยกิตทั้งหมด 180 หน่วย ซึ่งก็จะมีตัวเลือก2 ตัวเลือกในการเรียนต่อปริญญาตรีคือ เรียนที่มหาวิทยาลัยหรือวิทยาลัย 4 ปีโดยตรง หรือเรียนที่ Community College 2 ปีและโอนหน่วยกิตไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยโดยที่จะใช้เวลาเรียนเพิ่มอีก 2 ปีเพื่อที่จะสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี
ในการพิจารณารับเลือกเข้าปริญญาตรีส่วนใหญ่ หลักๆก็จะดูจาก GPA, TOFEL หรือ IELTS (สำหรับนักเรียนต่างชาติ), Statement of purpose
นอกเหนือจากนี้มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่เค้าจะพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ด้วย เช่น กิจกรรมที่ทำในโรงเรียน เช่น สภานักเรียน หรือ ค่ายชมรมต่างๆ หรือ กิจกรรมช่วยเหลือชุมชน ซึ่งถือว่าสำคัญมาก
โดยปกติภาคการเรียนของมหาวิทยาลัยในอเมริกาเริ่มเรียนช่วงเดือนสิงหาคมที่เป็นภาคการศึกษาแรก หรือภาคการศึกษาหลักที่เราสามารถเข้าเรียนได้ในทุกสาขาวิชา
หากน้องๆ คนไหน ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม และอยากวางแผนการเรียนต่อปริญญาตรีที่อเมริกา โดยไม่มีค่าใช้จ่าย สามารถติดต่อ อิมเอ็ดดูเคชั่น ได้ที่ 086-4882446

Community College
วิทยาลัยชุมชน

Faculty Interaction
มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพียงพอวำหรับนักเรียน เพราะจำนวนนักเรียนมีไม่มาก

Classroom
ห้องเรียนมีขนาดเล็ก อาจารย์สามารถเข้าถึงนักเรียนได้โดยตรง

Study Skill
นักเรียนสามารถเรียนได้ตั้งแต่อายุ 16 ทำให้ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย
01
การเรียนหลากหลายระดับสาขา
สำหรับนักเรียนที่ยังเรียนไม่จบชั้นมัธยมและต้องการที่จะศึกษาในระดับมัธยมและวิทยาลัยควบคู่กันไป
การเรียนปรับพื้นฐานภาษาอังกฤษรวมถึง การพูด การฟัง การอ่าน และการเขียนเพื่อความพร้อมสำหรับการเรียนในระดับวิทยาลัยหรือเพื่อการใช้งานทั่วไป
หลักสูตรประกาศนียบัตรที่เตรียมความพร้อมทางอาชีพให้กับนักศึกษา หลักสูตรวิชาที่สามารถโอนย้ายได้ คือ หลักสูตรวิชา Associate of arts และหลักสูตรวิชา Associate of science และหลักสูตรวิชาที่ไม่สามารถโอนย้ายได้ คือ หลักสูตรวิชา associate of applied science degrees และหลักสูตรประกาศนียบัตร
หลักสูตรทางวิชาการที่สามารถโอนย้ายหน่วยกิตได้เพื่อไปเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย
02
หลักสูตร Community College
สามารถเลือกได้ใน 2 หลักสูตร คือ
เป็นหลักสูตรที่เป็นพื้นฐาน 2 ปีแรกของการศึกษาระดับปริญญาตรี โดยนักศึกษาจะลงเรียนวิชาบังคับ (General Education Requirements) เป็นเวลา 2 ปี จากนั้นนักศึกษาสามารถโอนหน่วยกิต (Transfer) ไปยังมหาวิทยาลัยทั้งของรัฐและเอกชนเพื่อศึกษาต่อในระดับปี 3 โดยที่เกรดเฉลี่ยที่นักศึกษาทำได้ในระหว่าง 2 ปีนี้ จะเป็นตัวกำหนดว่านักศึกษาจะได้รับการตอบรับเข้ามหาวิทยาลัยที่อยู่ในอันดับยากง่ายเพียงใด
เป็นหลักสูตรอนุปริญญาสายวิชาชีพหลังจาก 2 ปีแล้วนักศึกษาจะได้รับวุฒิอนุปริญญา (Associate Degree) ทางสาขาวิชาที่เลือก อาทิเช่น คอมพิวเตอร์ เลขานุการ เขียนแบบ เป็นต้น
03
สถาบันสอน Community College
Highline College |
Bellevue College |
Edmonds College |
Santa Monica College |

หลักสูตร 2+2 University Transfer
โดยทั่วไปแล้ว นักเรียนที่ต้องการเรียนหลักสูตรปริญญาตรีในอเมริกาจะต้องใช้เวลาเรียน 4 ปี หรือมีหน่วยกิตทั้งหมด 180 หน่วย และในการที่จะสำเร็จหลักสูตรปริญญาตรีในอเมริกา นักเรียนจะมี 2 ตัวเลือกคือ
เรียนที่มหาวิทยาลัยหรือวิทยาลัย 4 ปีโดยตรง หรือเรียนต่อ Community College 2 ปีและโอนหน่วยกิตไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยโดยที่จะใช้เวลาเรียนเพิ่มอีก 2 ปีเพื่อที่จะสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี ซึ่งนักเรียนอเมริกามากกว่า 50% นิยมเลือกเรียนแบบนี้
การศึกษาใน 2 ปีแรกในอเมริกาทั้งใน Community College และ University มีความคล้ายคลึงกัน คือ ไม่ว่านักศึกษาตั้งใจที่จะเรียนสาขาใด นักศึกษาจะต้องลงเรียนวิชาพื้นฐานให้ครบ 90 หน่วยกิต จากแขนงวิชาต่างๆ ก่อน และเมื่อจบการศึกษาจากใน 2 ปีแรกแล้ว จึงสามารถเลือกวิชาเอกได้ สำหรับ Community College นักศึกษาจะได้รับวุฒิอนุปริญญาสำหรับการโอนศึกษาต่อ (Associate in Transfer Degree) เพื่อเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยได้ ซึ่งนักศึกษาจะใช้เรียนเพิ่ม 2 ปี เพื่อสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีตามสาขาที่ประสงค์

อายุขั้นต่ำ 17.5 ปี เพื่อให้มีความพร้อมทางวุฒิภาวะ และความรับผิดชอบเทียบเท่านักเรียนมหาวิทยาลัย

วุฒิมัธยมปลายปีสุดท้าย ของแต่ละหลักสูตร เช่น นักเรียนจากไทยจะต้องจบมัธยม 6 หรือจากนิวซีแลนด์ ก็ต้องจบ NCEA Level 3

ต้องมีผลการเรียนที่ดี บางสถาบัน รับตั้งแต่ GPA 2.8 แต่โดยส่วนใหญ่แล้วรับนักเรียนที่มี GPA 3.0 ขึ้นไป หรือทำคะแนนได้เกิน 75% ขึ้นไป

นักเรียนต้องมีความพร้อมทางภาษา มีผลสอบ IELTS 6.0 และมีคะแนนไม่ต่ำกว่า 5.5 ในแต่ละทักษะ แต่ก็จะมีบางสถาบันที่รับนักเรียนที่มีผม IELTS 5.5 เช่นกัน
การโอนหน่วยกิตจาก college เข้าเรียนต่อ university
จะแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ
การตอบรับจากมหาวิทยาลัยโดยอัตโนมัติ ในกรณีสำเร็จการศึกษาเงื่อนไข
นักเรียนที่สำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยตามเกณฑ์ที่กำหนดโดยมหาวิทยาลัยในเครือข่าย (Partner University) จะได้รับการรับรองเพื่อโอนเข้ามหาวิทยาลัยนั้นๆโดยอัตโนมัติ ซึ่งปกติแล้ว มหาวิทยาลัยจะพิจารณาจากผลการเรียนเฉลี่ย (GPA) จำนวนหน่วยกิตของนักเรียนเป็นหลัก เมื่อนักศึกษาสำเร็จการศึกษา 2 ปีในวิทยาลัย นักเรียนจะได้การรับรองที่นั่งในมหาวิทยาลัยให้เรียนต่ออย่างแน่นอน
การโอนเข้าเรียนต่อทั่วไป
นักเรียนสามารถโอนเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยที่ไม่ได้อยู่ในเครือข่ายของ Community College ของตนได้ เช่น มหาวิทยาลัยชั้นนำในอเมริกา อาทิ UCLA, University of California of Berkeley, Cornell University, Columbia University, University of Southern California, University of Washington, Seattle หรือ New York University โดยเฉพาะถ้านักเรียนมีผลการเรียนที่ดี และมีส่วนร่วมในกิจกรรมในขณะที่ศึกษาอยู่ในวิทยาลัยจะทำให้มีโอกาสได้รับการตอบรับมากขึ้น แต่ถึงอย่างไรก็ตามก็มหาวิทยาลัยจะไม่การันตีสิทธิในการรับนักศึกษา เพราะไม่ได้เป็นข้อตกลงอย่างเป็นทางการกับทาง Community College
ความคิดเห็นจากนักเรียน
Community College
North Seattle College
น้องอันพาดูชีวิตนักเรียนอังกฤษ เมือง Brighton เมืองชายทะเล ห่างจาก London เพียงชั่วโมงเดียว เป็นหนึ่งวันที่ได้เดินสำรวจเมืองอินดี้แบบเน้นๆ ตามตอก North lane ย่านฮิปของเมืองไม่เล็ก แต่ไม่ใหญ่ กินขนมจิบชาแบบ British Style รวมถึงฝากท้องกับร้านอาหารที่นักศึกษาต้องมากิน อีกทั้งพาชมโรงเรียน Bellerbys College ฉบับนักศึกษา

THE UNITED STATE OF AMERICA EDUCATION
Bachelor Degree
การเรียนระดับปริญญาตรีของอเมริกา
มหาวิทยาลัยอเมริกา
University
มหาวิทยาลัยในอเมริกานั้นมีจำนวนมากกว่า 4,000 แห่งทั่วประเทศ โดยทั่วไปจะไม่มีการสอบเข้า แต่จะมีมาตรฐานในการรับนักศึกษาเป็นของตนเอง ส่วนใหญ่ก็จะเรียนกัน 4 ปีจบ แล้วได้ปริญญาตรี ซึ่งเรียกว่า Undergraduate School โดยการเรียนในมหาวิทยาลัย 2 ปีแรกจะไม่มีคณะค่ะ มีแต่ให้เลือก major เท่านั้น และจะเลือกคณะอีกครั้งในปีที่ 3
เกณฑ์การเข้าปริญญาตรี
การเข้าเรียนปริญญาตรีจะพิจารณาจากคุณสมบัตินักเรียนดังต่อไปนี้
- GPA
- Class ranking
- Standardized test scores (เช่น SAT หรือ ACT tests)
- จดหมายรับรองจากอาจารย์
- SOP (Statement of purpose) บทความที่เขียนขึ้นเพื่อแสดงความตั้งใจและ
อธิบายเหตุผลต่างๆ ประกอบการสมัครเข้าเรียน - การสัมภาษณ์
- TOFEL หรือ IELTS (สำหรับนักเรียนต่างชาติ)
เหนือจากนี้มหาวิทยาลัยส่วนใหญ่เค้าจะพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ด้วย เช่น กิจกรรมที่ทำในโรงเรียน เช่น สภานักเรียน หรือ ค่ายชมรมต่างๆ หรือ กิจกรรมช่วยเหลือชุมชน ซึ่งถือว่าสำคัญมาก
การสมัครเข้าเรียนปริญญาตรี
สามารถยื่น application ในช่วงเดือนตุลาคม (Application Deadline มักจะเป็นวันที่ 30 Oct. – 2 Nov. ขึ้นอยู่กับมหาวิทยาลัย ) โดยการสมัครรอบนี้จะเลือกส่งได้เพียงมหาลัยเดียวเท่านั้น แต่ข้อดีคือ การรับสมัครช่วงนี้จะมีคนสมัครน้อย ทำให้มีเปอร์เซ็นต์สูงกว่าในการถูกคัดเลือก และผลการคัดเลือกก็จะออกมาตอนปลายปีเลย
มักจะเป็นช่วง 30 Dec. – 4 Jan. รอบนี้สามารถยื่นได้มหาวิทยาลัย ปกติการสมัครรอบนี้จำนวนของผู้สมัครจะเยอะกว่ารอบแรกเพราะเป็นรอบสุดท้ายแล้วนั่นเอง
International Year One
คือโปรแกรมที่น้องๆ จะเรียนวิชาที่เหมือนกับปริญญาตรีชั้นปีที่ 1 ในสาขาที่เลือกเลย แต่ว่าจะเรียนในห้องเรียนพิเศษสำหรับนักเรียนต่างชาติ โดยจำนวนนักเรียนต่อชั้นเรียนจะน้อยกว่าห้องเรียนปกติ เพื่อให้นักเรียนต่างชาติสามารถปรับตัวให้เข้ากับการเรียนปริญญาตรีในอเมริกาได้ดีขึ้น ระยะเวลาในการเรียนจะใช้เวลา 1 ปี เมื่อเรียนจบก็จะไปเรียนรวมกับนักเรียนอเมริกันตอนปีที่ 2 ได้เลย
International Year One (IY1) เป็นการเพิ่มโอกาสในทำเกรดให้ดีขึ้นได้ และปรับตัวได้มากขึ้น โดยส่วนมหาวิทยาลัยสามารถรับน้องๆ จบ ม.6 มาแล้วเกรดดีเข้าเรียน First Year ได้เลย โดยต้องมีคะแนน SAT หรือ ACT พร้อมตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด แต่สำหรับ International Year One (IY1) ไม่จำเป็นต้องมีคะแนน SAT หรือ ACT ในการสมัครเข้าเรียน และสามารถสมัครเข้าเรียนได้หลาย Intake มากกว่า สมัครเข้าปี 1 โดยตรง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หลักสูตร International Year One นี้จะมีในบางมหาวิทยาลัยเท่านั้น

Master’s Degree
ปริญญาโท
การเรียนต่อในระดับปริญญาโทที่อเมริกานั้นส่วนใหญ่จะใช้ระยะเวลาประมาณ 2 ปี โดยในปีแรกจะเป็นการเรียนปูพื้นฐาน และในช่วงปีที่ 2 เข้าวิชาหลักระดับปริญญาโท สาขาที่นักศึกษาจากเมืองไทย สนใจไปเรียนปริญญาโท มหาวิทยาลัยในอเมริกาจะแบ่งเทอมการศึกษาเป็น 2 ระบบดังนี้
Semester
ระบบ Semester มี 2 เทอมใหญ่ มีระยะเวลาประมาณ 15 สัปดาห์ คือ
เทอมแรก คือ Fall หรือ Autumn ซึ่งเปิดเทอมช่วงกลางสิงหาคม
เทอมที่สอง คือ Spring เปิดเทอมช่วงต้นมกราคม
และ เทอมเล็ก มีระยะเวลาประมาณ 13 สัปดาห์ คือ Summer เปิดเทอมช่วงกลางพฤษภาคม *มหาวิทยาลัยที่สอนใน อเมริกาส่วนมากจะเป็นระบบ semeste
Quarter
ระบบ Quarter มี 3 เทอมใหญ่ เทอมละ ประมาณ 11 สัปดาห์ เฉลี่ยระยะเวลาเท่าๆ กันใน 3 เทอม
เทอมแรก คือ Fall หรือ Autumn ช่วงกันยายน,
เทอมที่สอง คือ Winter เปิดเทอมช่วงต้นมกราคม
เทอมที่สาม คือ Spring เปิดเทอมช่วงปลายมีนาคม
และเทอมเล็กคือ Summer เปิดเทอมช่วงปลายมิถุนายน ระยะเวลาประมาณ 8 สัปดาห์
เอกสารที่ใช้สมัครเข้าเรียนปริญญาโทที่อเมริกา

Copy of Passport
สำเนาพลาสปอร์ต

TOEFL หรือ IELTS
TOEFL IBT ที่ 80 หรือ IELTS 6.5 ขึ้นไป
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคณะและสาขาที่ต้องการสมัครด้วย

SOP
Statement of Purpose
วัตถุประสงค์และความเหตุผลของการเรียนต่อ

Resume (CV)
ประวัติการเรียนและการทำงาน
สำหรับคนที่มีประสบการณ์ทำงานมาแล้ว

Graduation Certificate
ใบปริญญาบัตร

Transcript
ผลการเรียนระดับปริญญาตรี

Recommendation Letter
จดหมายแนะนำจากบุคคลที่น่าเชื่อถือ
- กรณียังไม่เคยทำงาน ขอ Recommendation Letters จากอาจารย์ 2 ท่าน
- กรณีทำงานไม่ถึง 5 ปี แล้ว ขอ Recommendation Letters จากอาจารย์ 1 ท่าน จากที่ทำงาน 1 ท่าน
- กรณีทำงานมาเกิน 5 ปี แล้ว ขอ Recommendation Letters จากที่ทำงาน 2 ท่าน

Im Education
สำหรับน้องๆ ที่ต้องการคำแนะนำสามารถปรึกษาอิมเอ็ดดูเคชั่น ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาต่อต่างประเทศอังกฤษ ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย ช่วยวางแผนการเรียน ดำเนินการเรื่องการสมัคร การขอ Visa
โทรปรึกษาอิมฟรี Line สอบถามเพิ่มเติมGraduate diploma
PRE-MASTER
เป็นหลักสูตรหลักสูตรสำหรับนักศึกษาปริญญาโท ที่มีจุดประสงค์หลักๆ 2 ประการคือ
สำหรับนักเรียนที่มี Academic Requirement และ English Requirement ไม่ถึงตามเกณฑ์การรับเข้าของทางมหาวิทยาลัย ดังนั้นการเรียน Pre-Master จึงเป็นการยกระดับความรู้ และความพร้อมในนักศึกษาในการเรียนต่อปริญญาโทนั้นเอง

เพิ่มความรู้ เตรียมความพร้อม
ก่อนเรียนโท

วางพื้นฐานความรู้
สำหรับสาขาที่ต่างจากที่เรียนจบมา
เตรียมความพร้อมภาษา
PRE-SESSIONAL ENGLISH
Focus Academic English for University
Pre-sessional English หรือ English Proficiency เป็นหลักสูตรที่มหาวิทยาลัยในประเทศอเมริกาจัดขึ้นเพื่อเตรียมความพร้อมทางด้านภาษาให้กับนักศึกษาต่างชาติที่ยังมีผล IELTS ไม่ถึงเกณฑ์เข้าเรียน โดยหลักสูตรนี้จะสอนก่อนเปิดเทอมในระดับ ปริญญาตรี และปริญญาโท โดยจะมุ่งเน้นด้านการพัฒนาภาษา Academic English เพื่อให้นักเรียนเกิดความคุ้นเคย และการใช้ภาษาอังกฤษในรูปแบบของการเรียนในรั้วมหาวิทยาลัย อาธิเช่นเน้นการเขียน Essay การทำรายงาน แบบ Academic Writing ที่ต้องพยายามหลีกเลี่ยงการลอกเลียนงานเขียนของผู้อื่น หรือ เรียกว่า Plagiarism นั้นเอง
นอกจากนี้แล้วยังมุ่งเน้นให้นักเรียนมีทักษะการ Presentation ที่จะฝึกให้นักเรียนมีระบบเรียบเรียงความคิด อย่างเป็นขั้นตอน และการพูดในพื้นที่สาธารณะอีกด้วย
การเรียน Pre-sessional English เป็นการเรียนระยะสั้นๆ อย่างเช่น 9 – 16 weeks เท่านั้น โดยขึ้นอยู่กับคะแนน IELTS ที่ยื่นเข้ามหาวิทยาลัย หลังจากจบหลักสูตรนี้แล้วก็จะ direct เข้าไปเรียนปริญญาในหลักสูตรที่นักเรียนสมัครเข้าเรียนนั่นเอง
เรียนต่อต่างประเทศกับอิมเอ็ดดูเคชั่น

แนะแนวเรื่องการเรียนต่างปรเทศ
ยื่นเอกสารสำหรับสมัครเรียน
จัดการเรื่องวีซ่า
ดูแลและให้คำปรึกษาตลอดการเรียน
FAQ
คำถามยอดฮิต
ไม่สามารถทำงานได้
สามารถทำได้ 20 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ แต่ทำงานได้เฉพาะในมหาวิทยาลัยเท่านั้น
ค่าเทอมโดยเฉลี่ยอยู่ที่ USD $ 10,000 – 50,000 ต่อปี
เรียนปริญญาตรีใช้เวลา 4 ปี
1-2 ปี แล้วแต่สาขางาน
1 ปี สำหรับสายอื่นๆ ที่ไม่ใช่สายวิทย์
1 ปี + ต่อเพิ่มได้อีก 2 ปี สำหรับสายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรม และคณิตศาสตร์ (STEM)