หลักสูตร Vocational Education and Training (VET course) หรือเราจะเรียกอีกอย่างว่า “หลักสูตรทางวิชาชีพ” เป็นหลักสูตรที่เปรียบเทียบได้กับวุฒิปวช. (Certificate) และปวส. (Diploma) ของไทย เป็นหลักสูตรสายอาชีพ ฝึกอบรม วิชาเฉพาะด้าน เป็นหลักสูตรที่จัดให้มีกิจกรรมอย่างใดอย่างหนึ่งควบคู่ไปกับการเรียนเพื่อเตรียมความพร้อมในการทำงาน หลังจากจบหลักสูตรจะได้รับประกาศนียบัตรเพื่อมีโอกาสในการทำงานระยะยาว หรือสามารถศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้นไป

มหาวิทยาลัยออสเตรเลีย
การศึกษาระดับอุดมศึกษาหรือการศึกษาในมหาวิทยาลัยเป็นระดับการศึกษาที่สูงที่สุด ปัจจุบันประเทศออสเตรเลียมีมหาวิทยาลัย 43 แห่ง (มหาวิทยาลัยของออสเตรเลีย 40 แห่ง มหาวิทยาลัยนานาชาติ 2 แห่ง และมหาวิทยาลัยเอกชนแบบพิเศษอีก 1 แห่ง) ซึ่งต่างก็ได้รับการรับรองวิทยฐานะเท่าเทียบกัน ระบบการศึกษาของออสเตรเลียมุ่งเน้นความเป็นเอกเทศและความต้องการเฉพาะตัวจึงทำให้มหาวิทยาลัยในออสเตรเลีย ซึ่งได้รับการยอมรับทั่วโลก โดยหลักสูตรระดับอุดมศึกษามีอยู่สามประเภทหลัก คือ ปริญญาตรี ปริญญาโท และปริญญาเอก
การสมัครเข้าเรียนปริญญาตรีที่ออสเตรเลีย
สำหรับน้องๆ ที่อยากจะเข้าเรียนต่อปริญญาตรีที่ออสเตรเลียนั้น โดยทั่วไปนักเรียนในออสเตรเลียจะต้องจบวุฒิมัธยมปลาย Senior Secondary Certificate of Education Year 12 หรือเทียบเท่า แต่สำหรับน้องๆ ที่เรียนในระบบการศึกษาของไทยนั้น ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 6 จะเทียบเท่า Year 12 เท่านั้น จึงไม่เพียงพอสำหรับการเรียนต่อปริญญาตรีที่ออสเตรเลีย
ด้วยสาเหตุดังกล่าว สถาบันการศึกษาจึงได้ออกหลักสูตร Pathway สำหรับนักเรียนต่างชาติ เพื่อเป็นการปรับพื้นฐานความรู้ เตรียมความพร้อมเรื่องภาษาอังกฤษให้นักเรียนต่างชาติก่อนเข้าเรียนปริญญาตรีที่อออสเตรเลีย
หากน้องๆ คนไหน ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม และอยากวางแผนการเรียนต่อปริญญาตรีที่ออสเตรเลีย โดยไม่มีค่าใช้จ่าย สามารถติดต่อ อิมเอ็ดดูเคชั่น ได้ที่ 086-4882446

vocation
หลักสูตรทางวิชาชีพ

Develop Knowledge
หลักสูตรเพิ่มเติมความรู้ให้พร้อมสำหรับการเรียนในประเทศออสเตรเลีย

Study with the experts
สถาบันให้ความสำคัญกับการเรียน โดยเน้นให้ฝึกอบรม วิชาเฉพาะด้านกับผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น

Study Skill
เน้นให้ทำงานได้จริง ทำให้ได้รับประสบการณ์การทำงานในหน้าที่ของอุตสาหกรรมนั้น จริงๆ
ความคิดเห็นจากนักเรียน
Foundation’s Student
An
An Limkatanyoo
น้องอันพาดูชีวิตนักเรียนอังกฤษ เมือง Brighton เมืองชายทะเล ห่างจาก London เพียงชั่วโมงเดียว เป็นหนึ่งวันที่ได้เดินสำรวจเมืองอินดี้แบบเน้นๆ ตามตอก North lane ย่านฮิปของเมืองไม่เล็ก แต่ไม่ใหญ่ กินขนมจิบชาแบบ British Style รวมถึงฝากท้องกับร้านอาหารที่นักศึกษาต้องมากิน อีกทั้งพาชมโรงเรียน Bellerbys College ฉบับนักศึกษา
01
ประเภทหลักสูตร VET
คอร์สอบรมทักษะที่มีหลักสูตรเบื้องต้น นักเรียนจะได้เรียนความรู้เฉพาะทางสำหรับการทำงาน ทักษะในการสื่อ, ความสามารถในการอ่านเขียน, การคำนวณ และการทำงานร่วมกับผู้อื่น ระยะเวลาในการเรียนมีตั้งแต่ 6 เดือนไปจนถึง 2 ปี
คอร์สนี้จะช่วยเตรียมความพร้อมนักเรียนในการทำงานกับองค์กรและสายงานวิชาชีพต่างๆ ระยะเวลาเรียนโดยทั่วไปจะอยู่ที่ 1-2 ปี (เรียนแบบ full-time)
คอร์สอนุปริญญาที่นักเรียนจะได้เรียนทักษะการปฏิบัติ สำหรับการทำงานที่ต้องการทักษะที่สูงขึ้น หรือในสายงานที่ต้องทักษะเฉพาะทาง เช่น งานบัญชี งานออกแบบอาคาร และงานวิศวกรรม ระยะเวลาเรียนสำหรับคอร์สนี้จะอยู่ที่ 1.5-2 ปี (เรียนแบบ full-time)
คอร์สนี้จะเทียบเท่ากับการเรียน Higher education graduate certificate/diploma นักเรียนจะได้รับทักษะความรู้ซึ่งทำให้ได้รับการจ้างงานสูง ระยะเวลาในการเรียนคอร์ส graduate certificate ขั้นต่ำ 6 เดือนไปจนถึง 1 ปี (เรียนแบบ full-time) ส่วนคอร์ส graduate diploma มีระยะเวลาเรียน 1-2 ปี (เรียนแบบ full-time)
02
คุณสมบัติผู้สมัครเรียน VET
สำหรับน้องๆ นักเรียนที่ต้องการสมัครเข้าเรียนหลักสูตร VET จะต้องจบการศึกษาอย่างน้องมัธยมศึกษาปีที่ 5 อายุ ไม่น้อยกว่า 16.5 ปี ขึ้นไป และจะต้องมีผลคะแนนการสอบวัดระดับภาษาอังกฤษ IELTS ไม่น้อยกว่า 5.5 หรือ มีใบประกาศระดับภาษาอังกฤษว่าภาษาเราอยู่ระดับ Upper Intermediate จากสถาบันภาษาที่ได้รับการยอมรับ




03
สถาบันสอน VET
สถาบันที่เปิดสอนวิชาชีพในออสเตรเลียมีมากมายให้เลือกกันเลยทีเดียว
Le Cordon Bleu | BMIHMS |
Holmesglen Institute of TAFE | William Blue |
ICMS | MEGT Institute |
ILSC | Sarina Russo Institute |
Holmes Institute | Shafston International College |
UTS : Insearch | WIT |

FOUNDATION PROGRAM
หลักสูตรเตรียมความพร้อมสำหรับปริญญาตรี
หลักสูตร Pathway หรือ Foundation Program ที่ดำเนินการสอนโดยมหาวิทยาลัยเอกชนโดยสถาบัน Study group เป็นการจับมือร่วมกันระหว่างมหาวิทยาลัยที่จะสอนหลักสูตรนี้
หลักสูตร Foundation Program จะเรียนเกี่ยวกับพื้นฐานการความรู้เฉพาะสาขา เพื่อเตรียมความพร้อมในวิชาย่อยที่เกี่ยวกับสาขาที่ผู้เรียนต้องการเรียนในระดับปริญญาตรี รวมถึงเรียนวิชาภาษาอังกฤษ เพื่อพัฒนาทักษะในการเขียนรายงาน การทำวิจัยอีกด้วย

อายุขั้นต่ำ 17.5 ปี เพื่อให้มีความพร้อมทางวุฒิภาวะ และความรับผิดชอบเทียบเท่านักเรียนมหาวิทยาลัย

วุฒิมัธยมปลายปีสุดท้าย ของแต่ละหลักสูตร เช่น นักเรียนจากไทยจะต้องจบมัธยม 6 หรือจากนิวซีแลนด์ ก็ต้องจบ NCEA Level 3

ต้องมีผลการเรียนที่ดี บางสถาบัน รับตั้งแต่ GPA 2.8 แต่โดยส่วนใหญ่แล้วรับนักเรียนที่มี GPA 3.0 ขึ้นไป หรือทำคะแนนได้เกิน 75% ขึ้นไป

นักเรียนต้องมีความพร้อมทางภาษา มีผลสอบ IELTS 6.0 และมีคะแนนไม่ต่ำกว่า 5.5 ในแต่ละทักษะ แต่ก็จะมีบางสถาบันที่รับนักเรียนที่มีผม IELTS 5.5 เช่นกัน
สถาบันที่เปิดสอน Foundation Program

Im Education
สำหรับน้องๆ ที่ต้องการคำแนะนำสามารถปรึกษาอิมเอ็ดดูเคชั่น ผู้เชี่ยวชาญด้านการศึกษาต่อประเทศอังกฤษ ฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย ช่วยวางแผนการเรียนในอังกฤษ ดำเนินการเรื่องการสมัคร การขอ Visa
โทรปรึกษาอิมฟรี Line สอบถามเพิ่มเติมหลักเกณฑ์ในการเลือกมหาวิทยาลัย
เพราะสถาบันการศึกษาในอังกฤษมีจำนวนมาก ดังนั้นการเลือกมหาวิทยาลัยจึงเป็นคำถามแรกๆ ที่น้องๆ นักเรียนต้องการหาคำตอบ โดยปกติการเรียนในมหาวิทยาลัยในอังกฤษนั้น จะต้องเลือกสาขาให้ได้ก่อน หลังจากนั้นก็มาดู GPA ของนักเรียนว่าสามารถเข้าเรียนที่ไหนได้บ้าง และ Ranking ของมหาวิทยาลัย ก็เป็นมาตรฐานหนึ่งที่ถูกหยิบยกมาช่วยน้องๆ นักเรียน ในการพิจารณาเลือกมหาวิทยาลัยนั่นเอง
หลักเกณฑ์ในการจัดอันดับ
- Entry Standards คือมาตรฐานในการสอบเข้า และการรับนักศึกษาเข้าเรียนต่อ ซึ่งแน่นอนว่ามหาวิทยาลัยที่รับการจัดอันดับอยู่ต้นๆ จะมีเกณฑ์การรับเข้าด้วยมาตรฐานที่สูง
Student Satisfaction คือความพึงพอใจของนักศึกษาที่มีต่อตัวมหาวิทยาลัย จะรวมถึงการดูแลเอาใจใส่จากอาจารย์ และบุคลากร หมายความว่าหากคะแนนยิ่งสูงแสดงว่าสถาบันมีการดูแลนักศึกษาที่ดี
Research Assessment/ Research Quality คือคุณภาพของงานวิจัย ซึ่งจุดชี้ถึงคุณภาพของอาจารย์ผู้สอน และคุณภาพของฐานข้อมูลทางวิชาการที่นำมาใช้ประกอบการสอน
Graduate Prospects คืออัตราการเรียนต่อ หรือการรับเข้าทำงานจากบริษัทต่างๆ หลักจากเรียนจบ ยิ่งถ้ามหาวิทยาลัยได้รับการให้คะแนนที่สูง จะสามารถการันตีคุณภาพหลังจบการศึกษา
สถาบันที่จัดอันดับมหาวิทยาลัย
QS World University Rankings
เป็นการจัดอันดับโดย British Quacquarelli Symonds (QS) องค์กรจากประเทศอังกฤษที่ให้ข้อมูลด้านการศึกษาและการจัดอันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก 959 แห่ง (ปี 2018) ผ่านระบบที่มีชื่อว่า QS World University Rankings ที่เป็นที่นิยมอันดับต้นๆ ของโลก มีการจัดอันดับที่ครอบคลุมทั้งในระดับโลก ระดับภูมิภาค และตามสาขาวิชาต่างๆ โดยมีเกณฑ์การพิจารณา ดังนี้
1. Academic reputation (ชื่อเสียงด้านวิชาการของมหาวิทยาลัย)
2. Employer reputation (ทัศนคติของผู้จ้างงานต่อบัณฑิตของแต่ละมหาวิทยาลัย)
3. Student-to-faculty ratio (สัดส่วนจำนวนอาจารย์ต่อนักศึกษา)
4. Citations per faculty (สัดส่วนจำนวนการอ้างอิงต่อผลงานวิจัยที่ ได้รับการตีพิมพ์)
5. International faculty ratio and international student ratio (สัดส่วนจำนวนอาจารย์ต่างชาติ และ สัดส่วนจำนวนนักศึกษาต่างชาติ)
Times Higher Education หรือ THE World University Rankings
เป็นการจัดอันดับโดย Times Higher Education เป็นผู้ให้บริการชั้นนำด้านข้อมูลการศึกษามาตั้งแต่ปี 2004 ทำการจัดอันดับมหาวิทยาลัยและสถาบันการวิจัยชั้นนำระดับโลกกว่า 1,250 แห่ง ใน 86 ประเทศ (ปี 2019) ผ่านชุดเครื่องมือ DataPoints ซึ่งพัฒนาขึ้นมาโดย โธมัส รอยเตอร์ ที่ถูกออกแบบมาเพื่อวัดกิจกรรมของมหาวิทยาลัย ผ่านขั้นตอนการประเมินผลจากดัชนีตัวบ่งชี้ 13 ประเภท ตั้งแต่การสอน งานวิจัย ความพร้อมในการทำงาน สรุปออกมาได้เป็นเกณฑ์การพิจารณา ดังนี้
1. คุณภาพการเรียนการสอน (สภาพแวดล้อม / บรรยากาศการเรียนรู้)
2. คุณภาพของงานวิจัย (ปริมาณ เงินทุน และชื่อเสียง)
3. การนำงานวิจัยไปใช้อ้างอิง (เอกสารผลงานวิจัย)
4. แหล่งเงินทุนที่ได้จากนวัตกรรมที่คิดค้นขึ้น (รายได้จากการถ่ายทอดความรู้)
5. มุมมองจากชาวต่างชาติ (ภาพลักษณ์ในระดับนานาชาติ)
ข้อเด่น นอกจากจัดอันดับมหาวิทยาลัยทั่วโลกแล้ว ยังมีการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโดยแบ่งตามสาขาย่อยดังนี้ คือ
1. ด้านการศึกษา
2. ด้านธุรกิจและเศรษฐศาสตร์
3. ด้านการแพทย์และสุขภาพ
4. ด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์
5. ด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยี
6. ด้านวิทยาศาสตร์ชีวภาพ
7. ด้านวิทยาศาสตร์กายภาพ
8. ด้านสังคมศาสตร์
9. ด้านจิตวิทยา
10. ด้านมนุษยศาสตร์
11. ด้านกฎหมาย
The Guardian
เป็นการจัดอันดับโดยหนังสือพิมพ์ Guardian มีความแตกต่างกับการจัดอันดับโดยสถาบันอื่นๆ โดยวัดมาตรฐานของสถาบันการศึกษาจากการเรียนการสอน แหล่งข้อมูล งานวิจัย โดยมีเกณฑ์การพิจารณา จากการทำสำรวจนักศึกษาแห่งชาติ หรือ the national student survey (NSS)
ในนักศึกษาชั้นปีสุดท้ายว่ามีความพึงพอใจมากน้อยแค่ไหน ในหัวข้อดังนี้
- คุณภาพการสอน
- ความคิดเห็นและการประเมิน
- คุณภาพโดยรวมของหลักสูตร
- ค่าใช้จ่ายต่อนักศึกษา
- สัดส่วนอาจารย์:นักศึกษา จำนวนนักศึกษา:จำนวนอาจารย์ผู้สอน
- ความก้าวหน้าในอาชีพ โดยเปรียบเทียบจาดสัดส่วนของผู้สำเร็จการศึกษาที่ได้งานทำในขั้นปริญญา หรือเรียนต่อเต็มเวลาภายในระยะเวลาหกเดือนหลังเรียนจบ
- ประสิทธิภาพในการสอนของทางสถาบัน โดยเปรียบเทียบผลสำเร็จของนักศึกษากับวุฒิการศึกษาเมื่อตอนแรกเข้า
- วุฒิการศึกษาที่ใช้ในการเข้าเรียน
The Complete University Guide
เป็นการจัดอันดับโดยความร่วมมือของสำนักข่าวต่างๆ ในอังกฤษ เช่น The Independent , Daily Mail และ Daily Telegraph โดยเน้นสำรวจความพอใจของนักศึกษา โดยมีเกณฑ์การพิจารณา ดังนี้
- Entry Standards (11.1%)
- Student Satisfaction / Student Survey (16.7%)
- Research Assessment กับ Research Intensity (16.7%)
- Graduate Prospects (11.1%)
- Student-Staff Ratio (11.1%)
- Academic Spending (5.6%)
- Facilities Spending (5.6%)
- Good Honours (11.1%)
- Degree Completion (11.1%)
15738
นักเรียนไทยไปเรียนต่างประเทศ
UK 43% I USA 37%
Australia 16% I Canada 4%
6785
นักเรียนไทยเลือกไปเรียนอังกฤษ
(HESA 2017-2018)
10
นักเรียนไทยเป็น TOP 10 ของประเทศ non- EU ที่เลือกไปเรียนต่ออังกฤษ
ในระดับอุดมศึกษา
5
Business 41% I Engineering 11.5%
Social Studies 7% I Law 6.4% I
Creative arts 5%
สถิตินักเรียนไทยศึกษาต่อระดับอุดมศึกษา ปีการศึกษา 2560/2561 โดย บริติช เคานซิล ประเทศไทย
Study in AUSTRALIA
ทำไมนักเรียนไทยไปเรียนต่อประเทศออสเตรเลีย?
มหาวิทยาลัยที่ออสเตรเลีย มีหลักสูตรให้เลือกเรียนเยอะแยะมากมาย ไม่ว่าเราจะจบอะไรมา เราสามารถเลือกเรียนเพิ่มเติมได้ที่ออสเตรเลีย ไม่ว่าเราจะเลือกเรียน วิศวกรรม เรียนหมอ เรียนภาษา เราสามารถเลือกเรียนสิ่งอื่นๆ ควบคู่ได้ด้วย
ออสเตรเลียเป็นประเทศที่เหมาะแก่การท่องเที่ยว และแสวงหาประสบการณ์สนุกๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นกลางใจเมืองที่มีกิจกรรมคึกครื้นสนุกสาน ชายหาดที่สวยงาม ป่าฝนเขตร้อนอันอุดมสมบูรณ์ และทะเลทราย เรียกได้ว่าชอบเที่ยวแบบไหนก็มีให้เลือกครบครันเลย ถ้ามาเรียนต่อที่นี่ รับรองว่าวันหยุดจะไม่มีวันน่าเบื่ออย่างแน่นอน
ประเทศออสเตรเลียพูดภาษาอังกฤษเป็นหลัก ในการสื่อสาร ฟังง่าย เข้าใจง่าย สำเนียงไม่ยากเกินไปที่จะจับใจความสำคัญได้ ถึงแม้จะมีสำเนียงออสเตรเลียนบ้าง แต่นั่นก็ยิ่งทำให้เราอยากเรียนรู้มากขึ้น
ชาวออสซี่เป็นกันเองกับนักศึกษาต่างชาติเป็นอย่างดี นักศึกษาที่นี่จึงได้ใช้ชีวิตและเรียนหนังสือในประเทศที่มีชีวิตชีวา น่าตื่นเต้น และมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมมากเป็นอันดับต้นๆ ของโลกเลยทีเดียว
มีมหาวิทยาลัยถึง 7 แห่งในออสเตรเลียติดอันดับอยู่ในรายชื่อ 100 มหาวิทยาลัยที่ดีสุดในโลกโดยการจัดอันดับของ QS World Ranking
การสมัครเรียน
ข้อแนะนำสำหรับการสมัครเรียนต่อปริญญาตรีที่ออสเตรเลีย

1. Language
IELTS
เตรียมความพร้อมทางภาษาอังกฤษ
การเรียนตรีปริญญาตรีในออสเตรเลียนั้น น้องๆ ควรจะมี IELTS อยู่ที่ 6.0 ขึ้นไป และต้องไม่น้อยกว่า 6.0 ในแต่ละทักษะ แต่ถ้าหากน้องๆ มีผลคะแนน IELTS ไม่ถึงตามเกณฑ์ จะต้องเรียนปรับพื้นฐานภาษา ที่ศูนย์ภาษาของมหาวิทยาลัยโดยตรงของมหาวิทยาลัย ซึ่งจะใช้เวลาตั้งแต่ 6 -24 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับคะแนน IELTS ที่นักเรียนมีเบื้องต้น
- IELTS 6.0 (with 5.5 in each component)
- Pearson Test of English 51 (with 51 in all components)
- TOEFL (IBT) 72
17 in listening & writing
20 in speaking
18 in reading
School Results
GPA
เกรดเฉลี่ย
สำหรับเกรดเฉลี่ยในแต่ละคณะ หรือแต่ละสาขาจะมีการกำหนด GPA ที่ทางมหาลัยต้องการไม่เหมือนกัน แต่โดยปกติทั่วไปแล้ว เกรดเฉลี่ยรวม 2.5 ขึ้นไป


International
Entry Requirements
คุณสมบัติในการสมัครเข้าเรียน
ควรตรวจสอบ Entry Requirements ของแต่ละสาขา แต่ละมหาวิทยาลัยที่อยากจะเข้าเรียนต่อ โดยสามารถหาข้อมูลเองใน Website ของมหาวิทยาลัยนั้นๆ หรือติดต่อเพื่อขอคำแนะนำกับพี่ๆ อิมเอ็ดดูเคชั่น ได้ที่ 086-4882446
Find UniversityHow much does it cost?
วางแผนงบประมาณ
สำหรับการเรียนปริญญาตรีที่ออสเตรเลีย
โดยส่วนใหญ่นักเรียนต่างชาติ จะต้องชำระค่าเทอมต่อปี ประมาณ AUD $37,500ในสาขาทั่วไป
และค่าครองชีพโดยประมาณ โดยเฉลี่ยอยู่ที่ £12,200 ต่อปี ซึ่งจะประกอบไปด้วย ค่าที่พัก และค่ากินอยู่ ค่าเดินทางในแต่ละวัน ค่าท่องเที่ยวใน UK และค่าประกันสุขภาพ


Masters Degree
การสมัครเข้าเรียนปริญญาโทที่อังกฤษ
การเรียนระดับปริญญาโทในอังกฤษนั้น จะพิจารณารับนักศึกษาที่จบปริญญาตรี และมีผลการเรียนตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด โดยปกติจะใช้เวลาเรียน 1ปี ยกเว้นบางหลักสูตรจะใช้เวลาเรียน 2 ปี ในปัจจุบันมีหลายๆ มหาวิทยาลัย หลายๆ สาขาที่ใช้เวลาเรียน 1 ปี สามารถฝึกงานในประเทศอังกฤษ ในสายงานที่ตรงกับหัวข้อวิจัยได้อีก 3- 12 เดือนอีกด้วย
การเรียนระดับปริญญาโทในอังกฤษ มีอยู่ 2 แบบ คือ เข้าชั้นเรียน Taught Master และปริญญาโทแบบทำวิจัย Research
หลักสูตรปริญญาแบบเข้าชั้นเรียน (Taught Master) เป็นหลักสูตรที่นักศึกษาสามารถเลือกเรียนเฉพาะด้านได้ โดยอยู่ในความดูแลของอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญในสาขานั้นๆ โดยวิธีการเรียนการสอนจะมีทั้งการบรรยาย การสัมมนา การทำงานในห้องทดลอง และการทำวิทยานิพนธ์ ปริญญาที่ให้ได้แก่ Master of Arts (M.A.), Master of Science (M.Sc.), Master of Business Administration (M.B.A.)
หลักสูตรปริญญาโทแบบทำวิจัย (research) เป็นหลักสูตรที่นักเรียนจะต้องค้นคว้าด้วยตนเอง โดยอยู่ภายใต้อาจารย์ที่ปรึกษา ส่วนใหญ่ของหลักสูตรจะเป็นการศึกษาหัวข้อวิจัย และวางแผนการเรียนวิทยานิพนธ์ จะประเมินผลจากงานเขียนวิทยานิพนธ์ ปริญญาที่ให้ได้แก่ Master of Philosophy (M.Phil.), Master of Science by Research (M.Sc.by research)

เอกสารที่ใช้สมัครเข้าเรียนปริญญาโทที่อังกฤษ

Copy of Passport
สำเนาพลาสปอร์ต

Graduation Certificate
ใบปริญญาบัตร

Transcript
ผลการเรียนระดับปริญญาตรี

IELTS
ผลสอบภาษาอังกฤษ
ยกเว้นกรณีพิเศษที่ได้รับการยกเว้น

SOP
Statement of Purpose
วัตถุประสงค์และความเหตุผลของการเรียนต่อ

Resume (CV)
ประวัติการเรียนและการทำงาน
สำหรับคนที่มีประสบการณ์ทำงานมาแล้ว

Recommendation Letter
จดหมายแนะนำจากบุคคลที่น่าเชื่อถือ 2 ฉบับ
Recommendation Letters จากอาจารย์ 2 ท่าน
Recommendation Letters จากอาจารย์ 1 ท่าน จากที่ทำงาน 1 ท่าน
Recommendation Letters จากที่ทำงาน 2 ท่าน

หลักเกณท์ในการเลือกมหาวิทยาลัยสำหรับปริญญาโท
การเลือกมหาวิทยาลัยในประเทศออสเตรเลียนั้น มีปัจจัยหลายๆ อย่างที่น้องนักศึกษาจะต้องคำนึงถึง เพราะการสมัครเข้าเรียนปริญญาโทในแต่ละแห่งนั้น ขึ้นอยู่กับผลการเรียนในระดับปริญญาตรี หรือเกรดเฉลี่ยเป็นอันดับแรก และความพร้อมทางด้านภาษาอังกฤษ (IELTS) บางสาขาต้องมีประสบการณ์การทำงานอีกด้วย ในขณะเดียวกันนักศึกษาควรพิจารณาเรื่องระยะเวลาของหลักสูตร บางสาขาใช้เวลา 3 ปีซึ่งต้องคำนึงถึงงบประมาณค่าใช้จ่ายตลอดหลักสูตร
เตรียมความพร้อมภาษา
PRE-SESSIONAL ENGLISH
Focus Academic English for University
Pre-sessional English เป็นหลักสูตรที่มหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษ จัดขึ้นเพื่อเตรียมความพร้อมทางด้านภาษาให้กับนักศึกษาต่างชาติ ที่ยังมีผล IELTS ไม่ถึงเกณฑ์ เข้าเรียนโดยหลักสูตรนี้จะสอนก่อนเปิดเทอมในระดับ ปริญญาตรี และปริญญาโท โดยจะมุ่งเน้นด้านการพัฒนาภาษา Academic English เพื่อให้นักเรียนเกิดความคุ้นเคย และการใช้ภาษาอังกฤษในรูปแบบของการเรียนในรั้วมหาวิทยาลัย อาธิเช่นเน้นการเขียน Essay การทำรายงาน แบบ Academic Writing ที่ต้องพยายามหลีกเลี่ยงการลอกเลียนแบบผลงานหรืองานเขียนของผู้อื่น Plagiarism
นอกจากนี้แล้วยังมุ่งเน้นให้นักเรียนมีทักษะการ Presentation ที่จะฝึกให้นักเรียนมีระบบเรียบเรียงความคิด อย่างเป็นขั้นตอน และการพูดในพื้นที่สาธารณะอีกด้วย
การเรียน Pre-sessional English เป็นการเรียนระยะสั้นๆ อย่างเช่น 9 – 16 weeks เท่านั้น โดยขึ้นอยู่กับคะแนน IELTS ที่ยื่นเข้ามหาวิทยาลัย หลังจากจบหลักสูตรนี้แล้วก็จะ direct เข้าไปเรียนปริญญาในหลักสูตรที่นักเรียนสมัครเข้าเรียนนั่นเอง
Graduate diploma
PRE-MASTER
เป็นหลักสูตรหลักสูตรสำหรับนักศึกษาปริญญาโท ที่มีจุดประสงค์หลักๆ 2 ประการคือ
สำหรับนักเรียนที่มี Academic Requirement และ English Requirement ไม่ถึงตามเกณฑ์การรับเข้าของทางมหาวิทยาลัย ดังนั้นการเรียน Pre-Master จึงเป็นการยกระดับความรู้ และความพร้อมในนักศึกษาในการเรียนต่อปริญญาโทนั้นเอง

เพิ่มความรู้ เตรียมความพร้อม
ก่อนเรียนโท

วางพื้นฐานความรู้
สำหรับสาขาที่ต่างจากที่เรียนจบมา
เรียนต่อต่างประเทศกับอิมเอ็ดดูเคชั่น

แนะแนวเรื่องการเรียนต่างปรเทศ
ยื่นเอกสารสำหรับสมัครเรียน
จัดการเรื่องวีซ่า
ดูแลและให้คำปรึกษาตลอดการเรียน
เรื่องน่าสนใจ
ImBlogs
เรียนต่อมัธยมอังกฤษ Buckswood School สู่มหาวิทยาลัยดัง
เรียนต่อมัธยมอังกฤษ Buckswood School ก้าวแรกสู่ความสำเร็จ เรียนต่อมัธยมอังกฤษ Buckswood School ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่แข็งแกร่งสำหรับนักเรียนไทยที่ต้องการต่อยอดสู่มหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลก และหนึ่งในโรงเรียนที่ได้รับความนิยมสูงจากนักเรียนต่างชาติ คือ Buckswood School โรงเรียนประจำในเมือง [...]
Read moreเรียนภาษาอังกฤษที่ EC UK เปลี่ยนชีวิตวัยรุ่นธรรมดาให้สุดปัง!!
เรียนภาษาอังกฤษที่ EC UK เรียนกับครูเจ้าของภาษาใช้ชีวิตจริงในอังกฤษ พร้อมพัฒนาทักษะ กับสถาบันชั้นนำ เรียนภาษาที่ EC UK คือประสบกาณ์ที่เปลี่ยนชีวิตคุณได้จริง เรียนกับครูเจ้าของภาษา ใช้ชีวิตในสหราชอาณาจักร ฝึกใช้ภาษาจริง [...]
Read moreเรียนภาษาที่ EC Canada อยากเก่งภาษา+ใช้ชีวิตในแคนาดาต้องที่นี่
เปิดโลกใหม่กับการเรียนภาษาที่ EC Canada โรงเรียนสอนภาษา ถ้าน้องๆ มีความฝันอยากพูดอังกฤษคล่อง หรือ อยากเรียนรู้ภาษาไปพร้อมกับการใช้ชีวิตในประเทศที่ปลอดภัยมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม เรียนภาษาที่ EC Canada โรงเรียนสอนภาษาคุณภาพ คือคำตอบ!! เริ่มต้นเส้นทางการเรียนภาษาที่ [...]
Read moreFAQ
คำถามยอดฮิต
สามารถทำงานได้ 40 ชั่วโมงต่อ 2 สัปดาห์
รัฐบาลออสเตรเลียแนะนำว่าควรมีเงินประมาณ 20,000 AUD ต่อปี
ปริญญาตรี (3 ปี) ประมาณ $17,000 – $40,500 / ปี
สาขาปกติทั่วไป 3 ปี
สามารถอยู่ทำงานหลังเรียนจบได้อีก 2 ปี